รพสต.สาคร อ.ท่าแพ จ.สตูล อาจลดการปล่อย CO2 ได้เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ถึง 550 ต้น ในระยะเวลา 10 ปี

โซลาร์เซลล์ รพสต.สาคร เริ่มเปิดระบบแล้ว

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นปัญหาที่ท้าทายทั่วโลก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) สาคร อ.ท่าแพ จ.สตูล จึงได้ริเริ่มโครงการ “Tomorrow Light” เพื่อพัฒนาศักยภาพในการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 5 kW ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อสร้างโมเดลโรงพยาบาลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพส่วนตำบลสาคร อ.ท่าแพ จ.สตูลเป็นตัวอย่าง รพสต สีเขียวแห่งความยั่งยืน

ด้วยการให้ความรู้และสร้างความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับโซลาร์เซลล์ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง

ประโยชน์ทางตรงคือโรงพยาบาลลดค่าใช้จ่ายในส่วนของค่าไฟฟ้า

ผลต่อเนื่องคือนำเงินที่ลดได้ไปใช้เพิ่มคุณภาพการดูแลผู้ป่วย เกิดเป็นประโยชน์ต่อประชาชนที่เข้ามารักษา นำไปซื้อเครื่องมือทางการแพทย์มากขึ้น

และยังได้ประโยชน์ทางอ้อมจากการที่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลและผู้คนในชุมชนจะมีมุมมองและความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องพลังงานที่เปลี่ยนไป

มีความเข้าใจเรื่องการลดการใช้จ่ายด้านพลังงานและหันมาปรับใช้มากขึ้นส่งผลให้เกิดการมีส่วนร่วมการประหยัดพลังงานมากขึ้น

และผลต่อเนื่องสุดท้ายคือจากความรู้ความเข้าใจนี้ จะเกิดการต่อยอดเป็นการเผยแพร่ในวงกว้างได้อีก

ในยุคที่การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศกลายเป็นปัญหาที่ท้าทายทั่วโลก โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) สาคร อ.ท่าแพ จ.สตูล จึงได้ริเริ่มโครงการ “Tomorrow Light” เพื่อพัฒนาศักยภาพในการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขนาด 5 kW ซึ่งเริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2567 เพื่อสร้างโมเดลโรงพยาบาลที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน

ทดลองเปิดระบบโซลาร์เซลล์ ของ รพสต.สาคร

เดิมแล้วรพสต.สาคร มีค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 10,000 บาทต่อเดือน (ก่อนการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์) แต่เมื่อเริ่มติดตั้งแล้ว ค่าใช้จ่ายดังกล่าวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยในเดือนมิถุนายน 2567 ค่า Yieid (ปริมาณไฟฟ้าที่ผลิตได้จากโซลาร์เซลล์) อยู่ที่ 636.51 kWh ซึ่งหมายความว่าโรงพยาบาลสามารถผลิตไฟฟ้าได้ 636.51 กิโลวัตต์ชั่วโมง ในขณะที่ค่า Consumption (การใช้ไฟฟ้าจากระบบปกติ) อยู่ที่ 767.18 kWh แสดงให้เห็นว่าโรงพยาบาลยังมีการใช้ไฟฟ้าจากแหล่งอื่นอยู่บ้าง

ในเดือนกรกฎาคม 2567 ค่า Yieid ลดลงเป็น 556.49 kWh ขณะที่ค่า Consumption เพิ่มขึ้นเป็น 921.74 kWh ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการใช้ไฟฟ้ายังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ระบบโซลาร์เซลล์ยังช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากภายนอกได้มากขึ้น ในเดือนสิงหาคม 2567 ค่า Yieid อยู่ที่ 594.62 kWh และเดือนกันยายน 2567 ค่า Yieid ลดลงเป็น 494.44 kWh แสดงให้เห็นว่าผลผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์มีการเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศและการใช้งานของโรงพยาบาล

การปลูกต้นไม้เพื่อดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยในการจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉลี่ยแล้ว ต้นไม้หนึ่งต้นสามารถดูดซับ CO2 ได้ประมาณ 22 กิโลกรัมต่อปี ตามข้อมูลของศูนย์อนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติในสหรัฐอเมริกา (USDA Forest Service) ซึ่งหากเรานำค่า Yieid ที่ผลิตได้มาเปรียบเทียบกับการปลูกต้นไม้ โรงพยาบาลจะสามารถคำนวณจำนวนต้นไม้ที่จำเป็นต้องปลูกเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใกล้เคียงกัน

จากการประเมินการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ของ รพสต.สาคร หากรวมค่า Yieid ที่ผลิตได้ในช่วงเวลาต่าง ๆ จะช่วยลดการปล่อย CO2 ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าไฟฟ้าที่ใช้มาจากการเผาไหม้ฟอสซิลซึ่งปล่อย CO2 สู่ชั้นบรรยากาศ ในแต่ละเดือนการลดการใช้ไฟฟ้าจากฟอสซิลสามารถแปลงเป็นการลดก๊าซ CO2 ในอัตราที่สูง

ในอนาคต หาก รพสต.สาคร สามารถติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เพิ่มเติมหรือปรับปรุงระบบให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น คาดว่าจะสามารถลดค่าใช้จ่ายด้านไฟฟ้าได้สูงสุดถึง 2,500 บาทต่อเดือน และคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า หาก รพสต.สาคร ยังคงรักษาระดับการผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ได้อย่างต่อเนื่อง อาจสามารถลดการปล่อย CO2 ได้ประมาณ 1,200 กิโลกรัมต่อปี จากการคำนวณว่าในแต่ละปีจะผลิตไฟฟ้าได้เฉลี่ยประมาณ 600 kWh ต่อเดือน ซึ่งจะลดการปล่อย CO2 ได้เทียบเท่ากับการปลูกต้นไม้ประมาณ 55 ต้นต่อปี หรือถึง 550 ต้น ในระยะเวลา 10 ปี

 

โครงการ “Tomorrow Light” ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างระบบพลังงานที่ยั่งยืน แต่ยังเป็นการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชนเกี่ยวกับการใช้พลังงานสะอาดและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยการให้ความรู้และร่วมมือกันในทุกภาคส่วน

สุดท้ายนี้ รพสต.สาคร จึงกลายเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับโรงพยาบาลและชุมชนอื่น ๆ ในการใช้พลังงานสะอาด สร้างสรรค์อนาคตที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยการรวมพลังของทุกคนในการรักษาโลกของเราให้ดีขึ้น

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn